ผลประชุม OPEC+ ตามคาด หนุนหุ้นไทยปิด +1.30 จุด

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

หุ้นไทยปิดตลาด +1.30 จุด โบรก ฯ ชี้ภาพรวมตลาดผ่อนคลายความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และการประชุมกลุ่ม OPEC+ และชาติพันธมิตร ยังคงกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วัน ตลอดจนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB และ BOJ ในวันนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก มองกรอบการลงทุนสุดสัปดาห์พรุ่งนี้แกว่งแนวต้านที่ 1,680 จุด และแนวรับไว้ที่ 1,660 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 3 ก.พ. 2565 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยโดยปิดตลาดที่ +1.30 จุด หรือเพิ่มขึ้น +0.08% โดยปิดตลาดที่ 1,669.05 จุด มูลค่าการซื้อขาย 68,034.20 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยในวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตลอดทั้งวันในแดนบวก โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,673.75 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,664.09 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 581 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 553 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,045 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 921.61 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 39.97 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -54.09 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -907.49 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KTC มูลค่าการซื้อขาย 2,278.21 ล้านบาท ปิดที่ 65.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,967.12 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
3.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,920.34 ล้านบาท ปิดที่ 136.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,777.63 ล้านบาท ปิดที่ 3.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท
5.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,729.15 ล้านบาท ปิดที่ 150.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.43%
2.KTC ปิดที่ 65.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.15%
3.PTTEP ปิดที่ 129.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.57%
4.SAWAD ปิดที่ 63.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 2.85%
5.AEONTS ปิดที่ 191.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 0.79%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.COM7 ปิดที่ 78.25 บาท ลดลง 2.25 บาทหรือ 2.80%
2.HANA ปิดที่ 71.75 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 2.71%
3.KCE ปิดที่ 73.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.01%
4.JMART ปิดที่ 53.75 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 2.27%
5.JMT ปิดที่ 65.25 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.88%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,278.03 จุด ลดลง -0.80 จุด หรือ -0.04% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,000.18 จุด เพิ่มขึ้น 0.40 จุด หรือ 0.04% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 651.25 จุด ลดลง -4.46 จุด หรือ -0.68%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ อิงทางขาขึ้น โดยมีแรงหนุนในช่วงสั้น จากตลาดฯ ผ่อนคลายความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมคือการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วัน รวมถึงคาดว่าการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก

ขณะเดียวกันในส่วนของตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดทำการวันนี้ เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน โดยตลาดหุ้นที่กลับมาเปิดหลังหยุดตรุษจีนต่างปรับขึ้นกันถ้วนหน้า แต่ตลาดหุ้นที่ไม่ได้ปิดส่วนใหญ่ปรับตัวลง ยกเว้นไทยที่ยังคงปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้มองว่าตลาดฯ น่าจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,680 จุด โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,660 จุด

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket