ศบค. มีมติ ขยายพรก.ฉุกเฉิน 2 เดือน ถึง 31 มี.ค. พร้อม ปรับโซนพื้นที่ควบคุมโควิด สีส้มเหลือ 44 จังหวัดจาก 69 จังหวัด คงพื้นที่สีฟ้า 8 จังหวัด เริ่ม 24 ม.ค.นี้ ขยายเวลา พื้นที่นำร่องท่องเที่ยวดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 5 ทุ่ม
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุม เห็นชอบขยายการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ครั้งที่ 16 ต่อไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 31 มี.ค.2565 เพื่อป้องกันควบคุมโรค รวมถึงมีการปรับระดับพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร โดยมีการปรับลดพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้มทั้งประเทศ เหลือ 44 จังหวัด จาก 69 จังหวัด แต่เพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังจาก 0 จังหวัด เป็น 25 จังหวัด ส่วนพื้นที่สีฟ้า หรือ พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ยังคง 8 จังหวัดเช่นเดิม เริ่ม 24 ม.ค. นี้
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโควิด-19 ผ่อนคลายกิจกรรมในพื้นที่สีส้ม 44 จังหวัด ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า หรือ สถานที่อื่นใดที่มีร้านอาหาร สามารถบริโภคในร้านได้ เปิดได้ตามปกติ โดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.สามารถพิจารณากำหนดมาตรการ และเวลาเพิ่มเติมได้ ตามสถานการณ์ของพื้นที่ได้
ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้ตามปกติ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือ สถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ลักษณะเดียวกัน ในห้างสรรพสินค้าและโรงแรม จัดงานได้ตามความเหมาะสม
ร้านเสริมสวย ร้านสถานเสริมความงาม ร้านสัก เปิดบริการได้ตามปกติ สถานบริการเพื่อสุขภาพ นวด สปา เปิดบริการได้ตามปกติ
ที่ประชุมยังเห็นชอบ ปรับมาตรการสำหรับพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง โดยจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ไม่เกิน 23.00 น. ที่สำคัญต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น และตามมาตรการ COVID Free Setting
นอกจากนี้ เห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโควิด-19 สำหรับทุกพื้นที่ อาทิ ไม่ขยายเวลา work from home จากเดิมขอความร่วมมือสิ้นสุด 31 ม.ค. ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของหน่วยงาน
อ้างอิง
https://www.posttoday.com